โครงการ U2T ลงพื้นที่ ”บ้านแก้ง –สระแก้ว” เตรียมพลิกโฉมท่องเที่ยว- สินค้าสู่สไตล์ญี่ปุ่น

เมื่อวันที่ 17 ก.พ.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ประธานคณะทำงานด้านการจัดการสื่อสารโครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ(U2T) เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ โครงการ U2T จะลงพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว เพื่อทำกิจกรรม U2T ONLINE SERIES EP2 พลิกโฉมการท่องเที่ยวและสินค้าชุมชนให้ประทับใจสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้รับผิดชอบ โดยงานนี้ จะมี น.ส.รุ่งนภา คำพญา ที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวของฮอกไกโดและภูมิภาคโทโฮคุและผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างผลิตภัณฑ์ชุมชนของประเทศญี่ปุ่น เป็นวิทยาการในการให้ความรู้และแลกเปลี่ยนกับชุมชน เพื่อที่จะเปลี่ยนโฉมการท่องเที่ยวและสินค้าชุมชนของประเทศไทยให้มีกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่นเพื่อกระตุ้นและยกระดับการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพื่อให้ชุมชนมีรายได้จากการท่องเที่ยวในวิถีใหม่และสินค้าพื้นบ้าน พื้นถิ่น ซึ่งจะทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและสามารถต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวแนวใหม่ทั้งด้านสุขภาพ ผจญภัย อนุรักษ์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังลงพื้นที่บ้านคลองอาราง ต.บ้างแก้ง ซึ่งเป็นชุมชนตัวอย่างพึ่งพาตัวเองและน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีจุดเด่น คือ กลุ่มอาชีพแปรรูปหน่อไม้ดอง ทำเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือโอทอป เป็นหน่ออ่อนของไผ่ที่แตกจากเหง้าใต้ดิน มีสีเหลืองอ่อน รสกรุบกรอบ นำมาปรุงอาหารได้ทั้งต้ม ผัด แกง ทอด กลุ่มอาชีพทำน้ำส้มควันไม้ ผลิตได้จากกระบวนการเผาไหม้ไม้ เพื่อการทำถ่านหุงต้ม ผลิตภัณฑ์ไข่เค็มซีอิ๊วขาว ผลิตภัณฑ์จักรสานจากไม้ไผ่ ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ หมวก กระบุง ตะกร้า และตุ้มหู ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก รวมทั้ง โฮมสเตย์ บ้านคลองอาราง ที่อยู่ในช่วงของการพัฒนา ประธานคณะทำงานด้านการจัดการสื่อสารฯ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาในช่วงปี 2563 คณะทำงานระดับพื้นที่และผู้แทนจากชุมชนจาก 16 ชุมชน ได้มีการขับเคลื่อนงานพัฒนาเชิงพื้นที่ อาทิ การพัฒนาศักยภาพกลุ่มสู่วิสาหกิจชุมชน โดยเริ่มต้นด้วยการพัฒนาศักยภาพกลุ่มอาชีพ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ไข่เค็ม ผลิตภัณฑ์จักรสานจากไม้ไผ่ ผลิตภัณฑ์น้ำพริก ผลิตภัณฑ์การแปรรูปหน่อไม้ดอง เป็นกลุ่มอาชีพเริ่มต้น นำร่องเพื่อขยายผลไปสู่กลุ่มอาชีพอื่นในตำบล และนำไปสู่การขอขึ้นทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน และยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งกลุ่มเครื่องจักรสานไม้ไผ่ ได้เข้าสู่กระบวนการในการรับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน และอยู่ในช่วงของการตรวจสอบผลิตภัณฑ์จากหน่วยงาน สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด และการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งได้พัฒนาใน รูปแบบของการทำตลาดออนไลน์ ดังนั้น โครงการ U2T หวังว่าจะลงไปพลิกโฉมการท่องเที่ยวและสินค้าชุมชนให้มีรูปแบบสไตล์ญี่ปุ่นเพื่อสร้างจุดขายให้กับนักท่องเที่ยวได้

EVENT อื่นๆ

ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ อว.ได้จัดวางโรดแมปโครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ หรือ U2T เบื้องต้น โดยด้านการจ้างงาน เริ่มจ้างงาน 60,000 คน เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564ที่ผ่านมา และประมาณ 15,000 คน เริ่มการพัฒนาทักษะการทำงานในด้านต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์ ทั้งด้านการใช้เทคโนโลยี ด้านการเงิน ด้านภาษาอังกฤษ และด้านสังคม ซึ่งตามแผนงานจะได้รับการฝึกอบรมพัฒนาทักษะให้แล้วเสร็จภายใน ต.ค.2564 ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวอีกว่า ด้านกิจกรรมยกระดับเศรษฐกิจและสังคม แต่ละมหาวิทยาลัยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 1 ก.พ.2564 และจะทบทวน ปรับปรุงแผนเป็นระยะๆ ให้สอดรับกับความจำเป็นและความต้องการของชุมชน โดยแบ่งเป็นกิจกรรมด้านการพัฒนาสัมมาชีพ การพัฒนาการท่องเที่ยว การพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือการพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นต้น โดยจะดำเนินการผ่านคนที่ได้รับการจ้างงานภายใต้การชี้แนะให้คำปรึกษาจาก ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการในมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ จะมีการดำเนินการแฮกกาธอน (HACKATHON) โดยให้ผู้ได้รับการจ้างงานนำโจทย์หรือปัญหาของชุมชนมาหาแนวทางในแก้ปัญหาผ่านกระบวนการแฮกกาธอน คาดจะเริ่มดำเนินการ มี.ค.นี้ และจะมีการแข่งขันกันเป็นระยะๆ โดยการแข่งขันในรอบสุดท้ายระดับประเทศ คาดจะจัดในเดือน พ.ย.2564 HTTPS://THAINEWS.PRD.GO.TH/TH/NEWS/DETAIL/TCATG210208162526521

“โครงการ U2T เป็นการช่วยเหลือลูกหลานชาวบ้าน 6 หมื่นคน ให้มีงานทำในภาวะวิกฤติโควิด-19 ขณะเดียวกัน จะสร้างคน 6 หมื่นคนด้วยทักษะใหม่ ให้เป็นคนที่จะมาพลิกโฉมประเทศไทย จาก 3 พันตำบล สู่อำเภอ สู่จังหวัดและทั่วทุกภูมิภาค” U2T เป็นโครงการจ้างงาน นักศึกษา บัณฑิตจบใหม่และประชาชน 60,000 คน ให้เข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการสร้างงานและพัฒนาแก้ไขปัญหาและเศรษฐกิจของตำบลแบบพุ่งเป้า โดยดำเนินการ 1 ปี สำหรับโรดแม็ปของโครงการ U2T ขณะนี้ผู้เข้าร่วมโครงการได้เริ่มพัฒนาทักษะการทำงานในด้านต่างๆผ่านระบบออนไลน์ ทั้งการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ทักษะด้านการเงิน ภาษาอังกฤษ และทักษะสังคม รวมทั้งทักษะเฉพาะด้านที่สอดคล้องกับงานพัฒนาชุมชน พร้อมๆกับการจัดทำข้อมูลชุมชน ข้อมูลตำบลใน 5 มิติ ได้แก่ สุขภาพ ความเป็นอยู่ การศึกษา รายได้ และการเข้าถึงบริการภาครัฐ เพื่อวิเคราะห์ความเข้มแข็งหรืออ่อนแอของตำบลนั้นๆ ในการใช้ทำแผนการยกระดับเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะจัดเก็บลงในระบบการจัดเก็บข้อมูล หรือ DATA LAKE ผ่าน APPLICATION U2T ในมือถือ โดยข้อมูลจะมีทั้งด้านการท่องเที่ยว ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรม ด้านชุมชนเมืองของตำบล เป็นต้น HTTPS://WWW.THAIRATH.CO.TH/NEWS/LOCAL/2028517

นายศุภชัย กล่าวว่า ทั้งนี้นอกเหนือจากการทำข้อมูลประสิทธิภาพและศักยภาพตำบลแล้ว ยังจะมีการจัดเก็บข้อมูลชุมชนที่สะท้อนประสิทธิภาพและศักยภาพตำบล เพื่อจัดเก็บลงในระบบการจัดเก็บข้อมูล หรือ DATA LAKE ผ่าน APPLICATION U2T ในมือถือ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือน มีนาคม 2564 ซึ่งจะจัดเก็บข้อมูลเป็นกลุ่ม อาทิเช่น กลุ่มข้อมูลด้านการท่องเที่ยว กลุ่มข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพ กลุ่มข้อมูลด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรม และกลุ่มข้อมูลด้านชุมชนเมือง ของตำบล เป็นต้น ทั้งนี้จะทำการจัดเก็บข้อมูลลง DATA LAKE ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ตุลาคมนี้ ส่วนด้านกิจกรรมยกระดับเศรษฐกิจและสังคมนั้น แต่ละมหาวิทยาลัยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ และจะมีการทบทวนและปรับปรุงแผนเป็นระยะๆให้สอดรับกับความจำเป็นและความต้องการของชุมชน โดยกิจกรรมต่างๆนั้น จะแบ่งเป็นกรอบใหญ่ๆ เช่น กิจกรรมในด้านการพัฒนาสัมมาชีพ การพัฒนาการท่องเที่ยว การพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือการพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นต้น โดยกิจกรรมในการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมนี้ จะดำเนินการผ่านคนที่ได้รับการจ้างงานภายใต้การชี้แนะให้คำปรึกษาจาก ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการในมหาวิทยาลัย “นอกจากนี้ภายใต้ U2T มหาวิทยาลัยสู่ตำบล จะมีการดำเนินการที่เรียกว่าแฮกกาธอน (HACKATHON) โดยให้ผู้ได้รับการจ้างงานจะนำโจทย์หรือปัญหาของชุมชนมาหาแนวทางในแก้ปัญหาผ่านกระบวนการแฮกกาธอน ซึ่งคาดว่าเริ่มดำเนินการในเดือน มี.ค.นี้ และจะมีการแข่งขันกันเป็นระยะๆ และการแข่งขันในรอบสุดท้ายระดับประเทศ คาดว่าจะจัดในเดือนพฤศจิกายน 2564” รองปลัด อว.กล่าว HTTPS://WWW.THAIPOST.NET/MAIN/DETAIL/92386

อว.ส่ง 60,000 นักศึกษา-ประชาชนลงพื้นที่ทำงานกับชุมชน 3,000 ตำบล พร้อม 76 มหาวิทยาลัย เก็บข้อมูลทำบิ๊กดาต้าให้ประเทศ “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” รมว.อว.ลั่นพามหาวิทยาลัยออกจากหอคอยงาช้างแล้ว เตรียมขอ ครม. อีก 4,900 ตำบลให้ครบ 7,900 ตำบลทั่วประเทศ รมว.อว. กล่าวต่อว่า โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล มีเป้าหมาย 3 ประการ ประการแรก พัฒนาคน โครงการนี้ถือเป็นครั้งแรกประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย อาจารย์มหาวิทยาลัย นักศึกษาและประชาชนลงไปทำงานชุมชนพร้อมกัน เพราะฉะนั้นเดือนแรกต้องรีบทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทันที เมื่อจะรบแล้วต้องชนะ เพราะสิ่งที่ อว.จะดำเนินการต่อก็คือการนำเสนอ ครม. เพื่อให้เกิดการจ้างงานในอีก 4,900 ตำบล ซึ่งจะทำให้มีนักศึกษา ประชาชน และอาจารย์มหาวิทยาลัยลงไปทำงานทุกตำบลทั่วประเทศ คือ 7,900 ตำบล ประการที่ 2 การลงพื้นที่ครั้งนี้ จะเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อทำบิ๊กดาต้าของประเทศ ซึ่งแต่ละกระทรวงก็ฝากให้ อว.ช่วยไปดำเนินการ และประการที่ 3 เราไม่สนใจแค่ว่านักศึกษาได้ทำงานแต่สนใจว่านักศึกษาจะได้รับการฝึกทักษะเพิ่มขึ้น มีมุมมองและวิธีคิดที่ทันสมัย เพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยเฉพาะทักษะในเรื่องของเทคโนโลยีดิจิทัล การเงิน การลงทุน ภาษาและสังคม HTTPS://WWW.DAILYNEWS.CO.TH/ARTICLE/822640

Loading...